วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ล้างกรรมให้สิ้น

วงจรของกรรม

กิเลส กรรม วิบาก  เรียก สังสารวัฏ
คือการหมุนเวียนเป็นกงล้อเป็นวงจรในการเวียนว่ายตายเกิด


กิเลส กรรม วิบาก คือวงล้อผูกสัตว์ให้ติดใน การเวียนว่ายตายเกิด สุคติบ้างทุคติบ้าง หมุนไปตามเหตุผลของกรรมกล่าวคือ

กิเลส 
- เมื่อมีกิเลสในใจในจิต ก็คิดปรุงแต่ง ความคิดปรุงแต่งเกิดเจตนา ๆ นำไปสู่การกระทำ  กิเลสจึงเป็นเหตุให้เกิดกรรมต่อไป

กรรม
ทางกระทำกรรม ก็เกิดขึ้นใน 3 ทาง คือ
- ทางกาย 
- ทางวาจา 
- ทางใจ

กรรมคือการกระทำ ทางกาย วาจา ใจ ด้วยเจตนา แบ่งเป็น กรรมดี  กรรมไม่ดีคือ 
หากทำกรรมที่เป็นฝ่ายดี ก็เรียก กุศลกรรม หรือกรรมสุจริต ใน 3 ทางคือ
- ทำกรรมทางกายดี เรียก กายสุจริต
- ทำกรรมทางวาจาดี เรียก วจีสุจริต
- ทำกรรมทางใจดี เรียก มโนสุจริต

หากทำกรรมไม่ดี ก็เรียก อกุศลกรรม หรือกรรมทุจริตใน 3 ทางคือ
- ทำกรรมไม่ดีทางกาย เรียกกายทุจริต
- ทำกรรมไม่ดีทางวาจา เรียก วจีทุจริต
- ทำกรรมไม่ดีทางใจ เรียก มโนทุจริต

การกระทำเป็นเหตุให้เกิดผลกรรมคือ วิบาก จากการทำกรรมต่อไป
วิบาก
เมื่อทำกรรมดีชั่วแล้ว ก็เกิดวิบากคือผลจากทำกรรมนั้น ๆ คือ
- ผลของกรรมดี ไปสู่สุคติ
- ผลของกรรมไม่ดีพาไปทุกคติ
หมุนวนเป็นวัฏฏสงสารอยู่อย่างนั้น  จึงเรียกว่า วัฏฏะสงสาร หมายถึงเวียนว่ายตายเกิด สุขทุกข์ ไปตามเหตุผลของ การก่อกรรม ที่ทำมาจากกิเลส

เมื่อกิเลสยังมี ย่อมเป็นเหตุให้ก่อกรรม ตามหลักปฏิจจสมุปบาท หมุนวนเป็นวัฏสงสาร เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ก็ย่อมมี .............

เริ่มล้างกรรมด้วยหลัก ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
ชะล้างกรรมชั่ว ด้วยศีล
ชะล้างกรรมดี ด้วยสมาธิ
ชำระจิตออกจากกรรมทุกชนิดด้วยปัญญา   ..........จึงจะหลุดจากวงจรกรรม พ้นวัฏสงสาร หมดเวรหมดกรรม เป็นวิมุตติ ไปได้


ล้างเหตุให้เกิดกรรม
เหตุให้เกิดกรรมคือ กิเลส ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ
ละกิเลส 3  ตระกูล คือ
- กิเลสตระกูล โลภะ ได้แก่ กามกิเลส ให้รักใคร่ เสพติด เรียกกามสุขัลลิกานุโยค
- กิเลสตระกูล โทสะ ได้แก่ ความคับแค้น เคร่งเครียด โกรธเคืองเร่าร้อน เป็นอัตตกิลมถานุโยค
- กิเลสตระกูล โมหะ ได้แก่ ความเห็นผิดเป็นชอบ ขลาดเขลา งมงาย ไร้เหตุผล
   

เจริญมหาสติปัฏฐาน 4 เพื่อละ อภิฌชา โทมนัส
- อภิฌชา คือกิเลสทางจิตเสพติดง่าย ได้แก่กามกิลเสต่าง ๆ
- โทมนัส คือกิเลสทำให้เศร้าเสียใจ เกิดความคับแค้นโกรธเคือง จากกามกิเลสนั้น

ทางปฏิบัติ ทรงเสนอหลัก อริยสัจ4 คือ
- ทุกข์  ให้กำหนดรู้ไว้
- สมุทัย ให้กำหนดละเสีย
- นิโรธ ให้ทำให้แจ้งให้ชัด ให้ใช่ ให้เด็ดขาด เป็นวิมุตติ
- มรรค ให้กำหนดเจริญ คือทำให้มากเข้าไว้

เจริญมรรค 8
ทางดำเนินในละกิเลส ก็คือเสนอแนะให้เจริญอริยมรรค8 ที่สมบูรณ์คือ
 ละชั่วด้วยมรรคฝ่ายศีล คือ

- สัมมาวาจา วาจาชอบ
- สัมมากัมมันโต การงานชอบ
- สัมมาอาชีโว เลี้ยงชีวิตชอบ

สั่งสมความดีด้วยมรรคฝ่ายสมาธิ คือ

เจริญสมาธิตามหลัก สติปัฏฐานสี่ ด้วย
- สัมมาสติ  คือระลึกชอบ

- สัมมาสมาธิ  คือ สมาธิที่ปราศจากนิวรณ์5
- สัมมาวายาโม คือความเพียรพยายามชอบ ในการออกจากเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง

ชำระจิตด้วยมรรคฝ่ายปัญญา คือด้วยการทำให้แจ้งในอริยสัจ4  ด้วยการเจริญมรรคได้แก่
- สัมมาทิฐิ มีความเห็นชอบถูกทางครรลองคลองธรรม
- สัมมาสังกัปปะ มีความดำริชอบ ริเริ่มคิดออกจากเหตุแห่งทุกข์คือ ละกาม ละพยาบาท ละเบียดเบียนกัน


----------


ทรงตรัสสอนหมุนเวียนในธรรมประมาณนี้ ในทุก ๆ ที่ นำแสงสว่างส่องทางโปรดสัตว์ด้วยหลักธรรมดังกล่าวมาด้วยประการฉะนี้แล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น